
“สินทรัพย์ดิจิทัล” เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมนำมาคุยกันในคอลัมน์นี้อยู่บ่อย ๆ นะครับ นั่นเพราะตลาดสินทรัพย์
ดิจิทัลมีพัฒนาการและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างอย่างรวดเร็ว ก.ล.ต. จึงต้องปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่าง
ต่อเนื่องให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง เพื่อสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม ส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล
สนับสนุนการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทยให้มีคุณภาพ มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และคุ้มครองผู้ลงทุน
อย่างเหมาะสมเพียงพอ
เวลาที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งในประเทศและต่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลงและมีพัฒนาการใหม่ ๆ เกิดขึ้น
เราจะบอกเสมอว่า “ก.ล.ต. ขอติดตามพัฒนาการ การกำกับดูแล และการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ให้
มั่นใจเพียงพอถึงมาตรการคุ้มครองดูแลผู้ลงทุน เพื่อพัฒนาแนวทางการกำหนดนโยบายในการกำกับดูแล
ต่อไป”
การบอกกับทุกท่านว่า “ก.ล.ต. ขอติดตามพัฒนาการ” ขอให้มั่นใจครับว่า เรามีการติดตามพัฒนาการต่าง ๆ
อย่างจริงจังครับ ซึ่งหลายเรื่องในด้านการกำกับดูแลด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการปรับปรุงในช่วงที่ผ่านมาก็เกิด
จากการติดตามการพัฒนาของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล การศึกษาแนวทางกำกับดูแลในต่างประเทศ
รวมทั้งการหารือร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและ
ประชาชนด้วยครับ
เมื่อเร็ว ๆ นี้มีอีกหนึ่งเรื่องที่ ก.ล.ต. เห็นว่า ควรมีการปรับปรุง คือ หลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลมา
ให้บริการในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ “ห้าม” ศูนย์ซื้อขายฯ นำเหรียญที่ศูนย์ซื้อขายฯ หรือบุคคลซึ่งมี
ความเกี่ยวข้องกับศูนย์ซื้อขายฯ เป็นผู้ออก เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชน
(blockchain) มาให้บริการในศูนย์ซื้อขายฯ เพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและ
ป้องกันความเสี่ยงเกิดจากการกระทำอันไม่เป็นธรรมในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
หลังจากนำหลักเกณฑ์นี้มาใช้แล้ว ก.ล.ต. ได้ติดตามการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของศูนย์ซื้อขายฯ และติดตาม
การพัฒนาของเหรียญที่มีลักษณะตามที่กำหนดมาโดยตลอด รวมทั้งการศึกษาแนวทางการกำกับดูแลใน
ต่างประเทศ หารือร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วพบว่า การพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมและ
ระบบนิเวศ (ecosystem) ของสินทรัพย์ดิจิทัล มักมีการออกเหรียญเพื่อใช้ในการทำธุรกรรมใน ecosystem
ของตนเอง รวมทั้งใช้ในการชำระค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นในระบบนั้น จึงจำเป็นต้องนำเหรียญมาให้บริการใน
กลุ่มที่เกี่ยวข้องด้วย
นอกจากนี้ กฎหมายและกฎเกณฑ์ในปัจจุบัน มีกลไกการกำกับดูแลเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการความ
ขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) การป้องกันการสร้างราคาสินทรัพย์ดิจิทัล (market
manipulation) และกลไกป้องกันการกระทำอันไม่เป็นธรรม (insider information) รวมทั้งที่ผ่านมา ก.ล.ต.
ได้ยกระดับกฎเกณฑ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกลไกดังกล่าวด้วยแล้ว
ก.ล.ต. จึงมีแนวคิดที่จะให้ศูนย์ซื้อขายฯ นำเหรียญในลักษณะนี้มาให้บริการในศูนย์ซื้อขายฯ ได้โดยที่
ศูนย์ซื้อขายฯ ต้องเปิดเผยรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง ต่อ ก.ล.ต. ได้แก่ กรรมการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจ
ควบคุมโครงการของผู้ออกโทเคนดิจิทัล คู่สมรส นิติบุคคลที่มีบุคคลดังกล่าวมีอำนาจควบคุมโครงการ
บริษัทใหญ่ บริษัทย่อยและบริษัทร่วมของผู้ออกโทเคนดิจิทัล เนื่องจากบุคคลดังกล่าวอาจล่วงรู้ข้อมูลที่มี
นัยสำคัญ
ในการเปิดเผยข้อมูลของศูนย์ซื้อขายฯ จะทำผ่านระบบการนำส่งข้อมูล (e-reporting) โดยจะมีระบบแสดง
alert & alarm เพื่อให้ ก.ล.ต. มีข้อมูลสำหรับติดตาม ตรวจสอบ และป้องกันพฤติกรรมการใช้ข้อมูลภายใน
ซื้อขายโทเคนดิจิทัล (insider trading) รวมถึงเพื่อยกระดับมาตรการป้องกัน insider trading ให้สอดคล้อง
กับแนวทางการนำเทคโนโลยีsmart detection มาใช้ในการตรวจสอบของ ก.ล.ต.
แนวคิดในการปรับปรุงนี้ยังอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นครับ หากท่านผู้อ่านสนใจร่วมให้ความคิด
ความเห็นในเรื่องนี้สามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. www.sec.or.th ได้ถึงวันที่
21 ก.ค. นี้ครับ
วันนี้นอกจากจะมาเชิญชวนให้ร่วมแสดงความเห็นกันแล้ว จะขอขยายความในประเด็นที่บอกว่า กฎหมายและ
กฎเกณฑ์ในปัจจุบันมีกลไกการกำกับดูแลใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ conflict of interest, market
manipulation และ insider information แล้ว และที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ยกระดับกฎเกณฑ์เพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพของกลไกดังกล่าวด้วยแล้วนั้น ผมขอยกตัวอย่างกฎเกณฑ์ที่มีการยกระดับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ใน 3 ประเด็นสำคัญนี้นะครับ
(1) การป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการคัดเลือกเหรียญมาให้บริการ (conflict of interest)
เช่น การกำหนดให้ศูนย์ซื้อขายฯ เปิดเผยข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลที่นำมาให้บริการ และเปิดเผยหลักเกณฑ์การ
คัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (listing rule) บนช่องทางให้บริการของศูนย์ซื้อขายฯ รวมทั้งต้องมีระบบและกลไก
ในการตรวจสอบพฤติกรรมและติดตามสภาพการซื้อขาย (market surveillance) ตลอดเวลา (real time)
รวมทั้งต้องมีกระบวนการและระยะเวลาในการดำเนินการที่ชัดเจนเมื่อตรวจพบสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติ
(2) การป้องกันการสร้างราคาสินทรัพย์ดิจิทัล (market manipulation) เช่น กำหนดให้ศูนย์ซื้อขายฯ
ต้องขึ้นเครื่องหมายเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ หรือเมื่อราคามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
(3) การป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน (insider trading) เช่น กำหนดให้ผู้ออกโทเคนดิจิทัลต้องเปิดเผย
ข้อมูล filing/whitepaper ล่วงหน้า 15 วันในกรณีที่ผู้ออกโทเคนดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงสิทธิของผู้ถือโทเคน
หรือเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหรือมูลค่าของโทเคนดิจิทัล และห้ามไม่ให้ศูนย์ซื้อขายฯ ลงทุน
ในสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อเป็นทรัพย์สินของตนเอง
นอกจากนี้ ในการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการคัดเลือกเหรียญมาให้บริการ และการป้องกัน
การสร้างราคาสินทรัพย์ดิจิทัล ก.ล.ต. ยังมีการตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจฯ ทั้งจากสถานที่ทำการของ
ผู้ประกอบธุรกิจฯ (on-site inspection) และจากข้อมูลหรือรายงานต่าง ๆ (off-site monitoring) รวมทั้ง
พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ได้กำหนดโทษทางอาญาและให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้ดำเนินการแก่
ผู้กระทำความผิดในกรณีการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การสร้างราคา
สินทรัพย์ดิจิทัลและการใช้ข้อมูลภายในอยู่แล้วด้วยครับ
ก.ล.ต. จึงเชื่อว่า การปรับปรุงกฎเกณฑ์นี้ จะทำให้การให้บริการของศูนย์ซื้อขายฯ สอดคล้องกับบริบท
ในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบัน ส่งเสริม ecosystem ของสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยมีความ
สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบธุรกิจฯ โดยยังคงมีการคุ้มครองผู้ลงทุน
อย่างเหมาะสมเพียงพอครับ
**************************
จากบทความ "ก.ล.ต. พร้อมปรับ (กฎเกณฑ์) เมื่อโลกสินทรัพย์ดิจิทัลเปลี่ยน" โดยนายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในคอลัมน์ "คุยกับ ก.ล.ต." นสพ.กรุงเทพธุรกิจ